COPAYMENT คืออะไร?
Copayment หรือ “ค่าใช้จ่ายร่วม” คือ จำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเองเมื่อใช้บริการทางการแพทย์ หรือค่ารักษาพยาบาลตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
อธิบายแบบเข้าใจง่าย
คิดง่ายๆ ว่า บริษัทประกันจ่ายให้บางส่วน แต่เราต้องช่วยจ่ายเองอีกส่วนหนึ่ง เช่น
- ไปหาหมอ ค่ารักษา 2,000 บาท
- ประกันกำหนด Copayment 20%
- แปลว่าเราต้องจ่ายเอง 400 บาท (20% ของ 2,000 บาท) ส่วนที่เหลือ 1,600 บาท บริษัทประกันจ่ายให้
Copayment มีไว้ทำไม?
- ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายของประกัน
- ป้องกันการใช้ประกันเกินความจำเป็น
- ทำให้ค่าเบี้ยประกันถูกลง
ต่างจาก Deductible ยังไง?
- Copayment = จ่ายเป็น “เปอร์เซ็นต์” ของค่ารักษา
- Deductible = จ่าย “ตามจำนวนที่กำหนด” ก่อนที่ประกันจะเริ่มจ่าย
สรุป Copayment คือเงินที่เราต้องช่วยออกบางส่วนเมื่อใช้ประกัน ไม่ใช่ประกันจ่ายทั้งหมด 100% 😃
ข้อดี-ข้อเสียของ Copayment
✅ ข้อดีของ Copayment
- ค่าเบี้ยประกันถูกลง
- เพราะบริษัทประกันไม่ได้จ่ายทุกค่าใช้จ่าย 100% จึงช่วยลดค่าเบี้ยประกันให้ถูกลงกว่ากรมธรรม์ที่ไม่มี Copayment
- ป้องกันการใช้สิทธิ์เกินจำเป็น
- ทำให้ผู้เอาประกันเลือกใช้บริการทางการแพทย์อย่างเหมาะสม ไม่ไปหาหมอโดยไม่จำเป็น
- ช่วยให้ระบบประกันสุขภาพยั่งยืน
- ลดภาระของบริษัทประกัน ทำให้สามารถให้บริการได้ต่อเนื่องในระยะยาว
❌ ข้อเสียของ Copayment
- ต้องจ่ายเงินเองทุกครั้งที่ใช้บริการ
- แม้ว่าจะเป็นจำนวนไม่มาก แต่ถ้าใช้บ่อย เช่น มีโรคเรื้อรัง ต้องไปโรงพยาบาลบ่อย ก็อาจเป็นภาระทางการเงิน
- อาจต้องคำนวณค่าใช้จ่ายก่อนใช้สิทธิ์
- ต้องรู้เงื่อนไขของกรมธรรม์ให้ดี เช่น Copayment คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของค่ารักษา เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนตอนจ่ายเงิน
- อาจไม่เหมาะกับบางกลุ่ม
- โดยเฉพาะผู้ที่มีโอกาสใช้บริการบ่อย เช่น ผู้สูงอายุ หรือคนที่มีโรคประจำตัว อาจต้องจ่าย Copayment หลายครั้งจนกลายเป็นภาระ
เหมาะกับใคร?
✅ คนที่สุขภาพแข็งแรง และต้องการประกันสุขภาพที่มีค่าเบี้ยถูก
✅ คนที่อยากลดค่าเบี้ยประกัน โดยยอมจ่ายค่ารักษาเองบางส่วน
✅ คนที่ไม่ต้องการใช้สิทธิ์บ่อยๆ เช่น ใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉิน
❌ ไม่เหมาะกับ คนที่มีโรคประจำตัว หรือใช้บริการทางการแพทย์บ่อย เพราะอาจต้องจ่าย Copayment หลายครั้งจนกลายเป็นภาระ
สรุปง่ายๆ
ถ้าอยากได้ประกันที่เบี้ยถูก Copayment เป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าไม่อยากจ่ายเพิ่มทุกครั้งที่ไปหาหมอ อาจต้องเลือกแผนที่ไม่มี Copayment 😊
เหตุผลที่มี Copayment
Copayment ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการใช้สิทธิ์เกินความจำเป็น เช่น คนที่มีประกันสุขภาพอาจเลือกไปพบแพทย์บ่อยครั้งแม้จะเป็นอาการเล็กน้อย ซึ่งอาจเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทประกันและทำให้ค่าเบี้ยประกันแพงขึ้นสำหรับทุกคน Copayment จึงเป็นวิธีการช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้ผู้เอาประกันใช้บริการทางการแพทย์เท่าที่จำเป็น
Copayment ต่างจาก Deductible อย่างไร?
หลายคนอาจสับสนระหว่าง Copayment กับ Deductible (ค่าเสียหายส่วนแรก) โดยความแตกต่างหลักคือ:
- Copayment คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของค่ารักษาที่ต้องจ่ายเองทุกครั้ง
- Deductible เป็นจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเองก่อนที่บริษัทประกันจะเริ่มจ่าย เช่น ต้องจ่าย 5,000 บาทแรกของปีเอง จากนั้นประกันจึงคุ้มครองส่วนที่เกิน
ควรเลือกประกันที่มี Copayment หรือไม่?
- หากต้องการประกันที่มีค่าเบี้ยถูกลงและไม่ค่อยป่วย Copayment เป็นทางเลือกที่ดี
- หากกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายทุกครั้งที่ต้องเข้ารักษา อาจเลือกแผนที่ไม่มี Copayment เพื่อให้ประกันจ่ายทั้งหมด
การเลือกแผนประกันที่มีหรือไม่มี Copayment ควรพิจารณาตามพฤติกรรมการใช้บริการทางการแพทย์ของตนเอง 😊